ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC Sodium monohydrogen phosphate
ชื่อเคมีทั่วไป Disodium hydrogen phosphate ชื่อพ้องอื่นๆ Di-Sodium Hydrogenphosphate; Sodium Phosphate Dibasic; Disodium Phosphate; Di-sodium hydrogen orthophosphate; Phosphoric acid, disodium salt; Sodium monohydrogen phosphate (2:1:1); Dibasic sodium phosphate; Disodium monohydrogen phosphate; Disodium orthophosphate; Disodium phosphoric acid; DSP; Soda phosphate; Sodium acid phosphate; Disodium Monophosphate; Disodium Monohydrogen Orthophoshate; Sodium Phosphate Reagent Grade Dibasic; สูตรโมเลกุล Na2HPO4 รหัส IMO – CAS No. 7558-79-4 รหัส EC NO. – UN/ID No. 3077 รหัส RTECS – รหัส EUEINECS/ELINCS 231-448-7 ชื่อวงศ์ – ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า – แหล่งข้อมูลอื่นๆ – |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : เป็นสารอิมัลซิฟายเออร์ และบัฟเฟอร์ในอาหาร,สีย้อม,ผ้าไหม,การวิเคราะห์ทางเคมี,ในอุตสาหกรรมการเคลือบเงา เซรามิกซ์ สารลดแรงตึงผิว |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : > 1000 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : – IDLH(ppm) : – ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : – PEL-STEL(ppm) : – PEL-C(ppm) : – TLV-TWA(ppm) : – TLV-STEL(ppm) : – TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 : – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : เฉลี่ย 8 ชั่วโมง พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : – หน่วยงานที่รับผิดชอบ : – |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ผงของแข็ง
สี : ไม่มีสี กลิ่น : ไม่มีกลิ่น นน.โมเลกุล : 358-14 จุดเดือด(0ซ.) : – จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : 34 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 1.52 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 4.9 ความหนืด(mPa.sec) : – ความดันไอ(มม.ปรอท) : – ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : 11 ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : 9.0-9.4 ที่ 20 0ซ. แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 14.65 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.07 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : – |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเอาฝุ่นของสารนี้เข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูกและทางเดินหายใจ และการหายใจเอาสารนี้ที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไป จะทำให้เกิดการไอและสำลักได้
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังซ้ำๆ เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบได้ บุคคลที่มีภูมิไวต่อสารนี้ กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนกินเข้าไป ถ้ากลืนกินเข้าไปปริมาณมาก จะเป็นอันตรายได้ ความเป็นพิษของเกลือโซเดียมอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ลิ้นบวม อ่อนเพลีย ความเครียด อาการเพ้อคลั่ง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตาจะทำให้เกิดก่อระคายเคืองต่อตา การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : โดยปกติสารนี้มีอันตรายเล็กน้อย และสามารถถูกขับออกจากร่างกายได้โดยรวดเร็ว แต่กรณีที่ไตผิดปกติเกลือของสารนี้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นและทำให้เกิดอันตรายได้ |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : ไม่ระบุไว้
สารที่เข้ากันไม่ได้ : อัลคาลอยด์ แอนติโพริเดียม คลอโรรอลไฮเดรท ลีทอะซิเตรท ไฟโรกอรอล และรีซอลนอล สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ไม่ระบุไว้ สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : ไม่ระบุไว้ อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : ไม่ระบุไว้ การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : –
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : – ค่า LEL % : – UEL % : – NFPA Code : – สารดับเพลิง : ในกรณีที่เกิดไฟไหม้ให้ใช้คาร์บอนไดออกไซด์ โฟมหรือผงเคมีแห้ง ให้เลือกใช้อุปกรณ์ในการดับเพลิงที่เหมาะสมกับสภาพการเกิดเพลิง – สารนี้ไม่ใช้ของแข็งไวไฟ – กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) และชุดป้องกันสารเคมีปิดคลุมเต็มตัว |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด – สารนี้เป็นสารดูดความชื้นและมักจะเกาะกันเป็นก้อนในที่เก็บ เมื่อไม่ใช้สารนี้ควรจะปิดภาชนะให้แน่นสนิทตลอดเวลา สถานที่เก็บ : – เก็บในที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศที่ดี – สารนี้ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนวัสดุ หรือเครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการ ภาชนะบรรจุและการเคลื่อนย้าย – คำเตือนระหว่างการใช้งานควรป้องกันการทำลายหรือการเจาะรูภาชนะบรรจุ ข้อมูลการขนส่ง ชื่อในการขนส่ง : ไม่ระบุ ประเภทอันตราย : ไม่ระบุ หมายเลข UN : ไม่ระบุ ประเภทการบรรจุหีบห่อ : ไม่ระบุ รายงานข้อมูลสำหรับผลิตภัณฑ์ / ขนาด : ไม่ระบุ |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– วิธีการปฏิบัติกรณีเกิดอุบัติเหตุหกรั่วไหล ควรสวมใส่ชุดป้องกันสารเคมี และอุปกรณ์ช่วยหายใจ
– เก็บกวาดส่วนที่หกรั่วไหลใส่ในภาชนะที่ปิดแน่นสนิทสำหรับนำไปกำจัด – หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดฝุ่น – ให้ฉีดล้างบริเวณที่หกรั่วไหลด้วยน้ำ – ป้องกันไม่ให้สารเคมีที่หกรั่วไหล ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่นๆ การพิจารณาการกำจัด : กำจัดตามกฏหมายที่ทางราชการกำหนด |
มาตรา 11: อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล |
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย ให้นำส่งไปพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป ห้ามให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ หากผู้ป่วยอาเจียน ให้ดื่มน้ำปริมาณมากๆ เพื่อเจือจาง นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ ปริมาณมากๆ นำส่งไปพบแพทย์ สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ล้างออกด้วยน้ำปริมาณมากๆ อย่างน้อย 15 นาที โดยเปิดเปลือกตาให้น้ำไหลผ่าน นำส่งไปพบแพทย์ อื่นๆ : – |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :
– ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ : จะก่อให้เกิดการขาดออกซิเจนในแหล่งน้ำดื่ม |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : –
OSHA NO. : – วิธีการเก็บตัวอย่าง : – วิธีการวิเคราะห์ : – ข้อมูลอื่น ๆ : – |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 49
DOT Guide : 171 – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |