Biphenyl

ส่วนที่ 1ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น
        ชื่อเคมี IUPAC  Phenylbenzene ; 1,1′-Diphenyl

        ชื่อเคมีทั่วไป    Biphenyl

        ชื่อพ้องอื่นๆ      1,1′-Biphenyl ; Bibenzene; Lemonene; Phenador-x; PHPH; Xenene; Diphenyl; Biphenyl, 1,1- ;

        สูตรโมเลกุล      C12H10

        สูตรโครงสร้าง   สไลด์21

        รหัส IMO     12309051_10207268096954179_1768263646_n

        CAS No.        92-52-4

        รหัส EC NO.  601-042-00-8

        UN/ID No.      3077             

        รหัส RTECS    DU 8050000

        รหัส EUEINECS/ELINCS        202-163-5

        ชื่อวงศ์  –

        ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า  J.T. BAKER

        แหล่งข้อมูลอื่นๆ  –

ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม
        ส่วนประกอบ:

        ชื่อ         CAS #         น้ำหนักร้อยละ
                 92-52-4         
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์
        การใช้ประโยชน์ : เป็นสารเคมีในห้องปฏิบัติการ เป็นยาฆ่าเชื่อรา
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ
         LD50(มก./กก.) : 2400 (มก./กก.)

        LC50(มก./ม3) :

        IDLH(ppm) :  15.85 (ppm)

        ADI(ppm) :      –

        MAC(ppm) :    –

        PEL-TWA(ppm) :      0.2 (ppm)

        PEL-STEL(ppm) :      –

        PEL-C(ppm) :       –

        TLV-TWA(ppm) :      0.2 (ppm)

        TLV-STEL(ppm) :      –

        TLV-C(ppm) :      –

        พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 :     –

        พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 :         –

        พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 :                –

        พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541  :      เฉลี่ย 8 ชั่วโมง  0.158 ระยะสั้น : สารเคมีอันตราย

        พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 :           –

        หน่วยงานที่รับผิดชอบ :           –

ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี
         สถานะ : ผลึกของแข็ง

        สี : สีขาว

        กลิ่น : เฉพาะตัว

        นน.โมเลกุล :  154.21

        จุดเดือด(0ซ.) :  254-255

        จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : 69-70

        ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) :        –

        ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) :    5.31

        ความหนืด(mPa.sec) :  1.48

        ความดันไอ(มม.ปรอท) :  0.005 ที่ 20.4 0ซ.

        ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) :  ไม่ละลายน้ำ ที่  20 0ซ.

        ความเป็นกรด-ด่าง(pH) :  –

        แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm =  6.307

        มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 =         0.158 ppm ที่ 250ซ.

        ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ :  –

มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย
        สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเอาไอระเหยเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในจมูก และทางเดินหายใจ รวมทั้งอาการอื่นๆ คล้ายกับการกลืนกินเข้าไป

        สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังจะทำให้เกิดการระคายเคืองอาจจะถูกดูดซึมผ่านทางผิวหนังทำให้เกิดอาการคล้ายกับการกลืนกินเข้าไป จะทำให้เกิดภูมิแพ้ในบางคน

        กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนกินเข้าไป จะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางและตับ รวมถึงอาการปวดศีรษะ เจ็บ ปวดกระเพาะอาหารและลำไส้ คลื่นไส้ หมดความรู้สึกเฉพาะทาง ปวดตามลำตัว และเมื่อยล้าทั่วไป

        สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตา ไอระเหยและฝุ่น จะทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงต่อตา

        การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : สารนี้ถูกจัดว่าไม่เป็นสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์กลุ่ม DI ของ EPA และ IRIS การสัมผัสกับสารเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ปลายประสาทถูกทำลายอาจทำให้ตับถูกทำลายได้

มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา
         ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ

        สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์อย่างแรง

        สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน เปลวไฟ แหล่งจุดติดไฟ การเกิดฝุ่น และสารที่เข้ากันไม่ได้

        สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : คาร์บอนมอนนอกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์ จะเกิดขึ้นเมื่อถูกความร้อนทำให้สลายตัว  

        อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น

        การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้

มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด
         จุดวาบไฟ(0ซ.) :          113

        จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : 540

        ค่า LEL % :   0.6

        UEL % :      5.8       

        NFPA Code :   12305631_10207269193941603_1868081692_n

         สารดับเพลิง : ให้ใช้ผลเคมีแห้ง แอลกอฮอล์ หรือคาร์บอนไดออกไซด์

                – น้ำหรือโฟมจะก่อให้เกิดเป็นฟอง

                – ในเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่ชุดป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมกับหน้ากากแบบเต็มหน้า

                – ส่วนผสมระหว่างไอระเหยกับอากาศสามารถระเบิดได้ที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟ

                – ความเข้มข้นเพียงพอของฝุ่นละเอียดที่แพร่กระจายในอากาศ และมีแหล่งจุดติดไฟเข้าไปทำให้เกิดการระเบิดจากฝุ่นได้

มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง
         การเก็บรักษา :

                – เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด

                – เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง

        สถานที่เก็บ :

                – มีการระบายอากาศในพื้นที่

                – ป้องกันการเสียหายทางกายภาพ

                – เก็บแยกออกจากสารที่เข้ากันไม่ได้

                – ภาชนะบรรจุของสารนี้อาจจะเป็นอันตรายเมื่อถังเปล่าเนื่องจากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ฝุ่น ของแข็ง

                – สังเกตคำเตือนทั้งหมด และข้อระมัดระวังที่ระบุไว้สำหรับสารนี้

        ข้อมูลการขนส่ง 

                ชื่อในการขนส่ง : ไดฟีนิว (Diphenyl)

                ประเภทอันตราย : 9

                หมายเลข UN : 3077

                ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม III

                 ข้อมูลที่ต้องรายงานสำหรับผลิตภัณฑ์/ขนาด : 1 กิโลกรัม

มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล
        – ให้เคลื่อนย้ายของจุดติดไฟทั้งหมดออกไป

        – จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่หกรั่วไหล

        – ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม

        – ทำความสะอาดส่วนที่หกรั่วไหลไม่ให้ฝุ่นแพร่กระจายไปในอากาศ

        – ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ทำให้เกิดประกายไฟ

        – ลดฝุ่นในบรรยากาศและป้องกันการทำให้ฟุ้งกระจายโดยการทำให้ชื้นด้วยน้ำ

        – เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุปิดมิดชิด เพื่อนำไปแปรรูปกลับมาใช้ใหม่

          การพิจารณาการกำจัด : ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด

มาตรา 11: อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
 12305827_10207269043297837_1584498643_n 12277978_10207269044017855_554821809_n 12309291_10207269044297862_182124300_n12309022_10207269202381814_1401123889_n12286194_10207269044497867_168388570_n

        ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) :     ประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ

        – สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 80 mg/m3: ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) และอุปกรณ์กรองอนุภาค และละอองไอ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10 หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied – air respirator) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10

        – สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 25 mg/m3: ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) และอุปกรณ์กรองฝุ่น และอองไอ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25

       – สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 50 mg/m3: ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า(gas mask) ซึ่งมี Canister สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ และกรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) พร้อม tight – fitting facepiece และCartridge สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ อุปกรณ์กรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้าโดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied – air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้าโดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50

       – สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 100 mg/m3: ให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied – air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25

       – ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied – air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000

       – ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี Canister ที่สามารถป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์อุปกรณ์กรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50

มาตรา 12: การปฐมพยาบาล
         หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์

        กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน ห้ามให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่ที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์โดยทันที

        สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก นำส่งไปพบแพทย์ ทำความสะอาดเสื้อผ้า รองเท้าที่เปรอะเปื้อนก่อนนำมาใช้อีกครั้ง

        สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที โดยกระพริบตาถี่ ๆ ขณะทำการล้าง นำส่งแพทย์ทันที

         อื่นๆ : ไม่ระบุไว้

มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
         ข้อมูลทางนิเวศวิทยา : เป็นพิษอย่างมากต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย หรือดิน
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์
         NMAM NO. :  2530

        OSHA NO. :    –

        วิธีการเก็บตัวอย่าง :      หลอดเก็บตัวอย่าง

        วิธีการวิเคราะห์ :         แก๊ซโครมาโตกราฟฟี

        ข้อมูลอื่น ๆ :  

                – การเก็บตัวอย่างใช้ : Tenax Gc 20 mg/10mg

                – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง : 0.01 ถึง 0.5 ลิตรต่อนาที

                – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด-สูงสุด : ต่ำสุด 15 ลิตร สูงสุด 30 ลิตร

มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน
        AVERS Guide :          

        DOT Guide :             –

        – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650

        – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457

มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ
        อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)

        แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557