ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC Disodium dichromate
ชื่อเคมีทั่วไป Sodium dichromate ชื่อพ้องอื่นๆ Dichromic acid, disodium salt ; Chromic acid (H2Cr2O7), disodium salt; Sodium Bichromate – Carc.; สูตรโมเลกุล Na2Cr2O7.2H2O CAS No. 10588-01-9 รหัส EC NO. – UN/ID No. 3085 รหัส RTECS – รหัส EUEINECS/ELINCS – ชื่อวงศ์ – ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า JT.BAKER Inc., SAF-T.DATA แหล่งข้อมูลอื่นๆ – |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ใช้ในกระบวนการแยกสารด้วยไฟฟ้า (eletrochemical) และทำให้สารแขวนลอย |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 50 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : – IDLH(ppm) : – ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : – PEL-STEL(ppm) : – PEL-C(ppm) : 0.0082(ppm) TLV-TWA(ppm) : 0.0041(ppm) TLV-STEL(ppm) : – TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 : – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : เฉลี่ย 8 ชั่วโมง พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : – หน่วยงานที่รับผิดชอบ : – |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ผลึก ของแข็ง
สี : แดงส้ม กลิ่น : ไม่มีกลิ่น นน.โมเลกุล : 298.0 จุดเดือด(0ซ.) : 400 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : 357 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 2.35 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : – ความหนืด(mPa.sec) : – ความดันไอ(มม.ปรอท) : – ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : 73 ที่ 0 ซ. ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : 3.5 แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 0.082 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 12.195 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : – |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเข้าไป เนื่องจากสารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อน จะก่อให้เกิดเนื้อเยื่อของเยื่อบุและทางเดินหายใจส่วนบนอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดแผลเปื่อยหรือทำให้โพรงจมูกทะลุได้ จะก่อให้เกิดอาการเจ็บคอ ไอ หายใจติดขัด อาจทำให้เกิดอาการหอบหือ และการสัมผัสสารที่ความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดน้ำท่วมปอดได้
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนัง เนื่องจากสารนี้มีทธิ์กัดกร่อน จะก่อให้เกิดผื่นแดง ปวด และอาจเกิดแผลไหม้รุนแรงได้ ฝุ่นและสารละลายเข้มข้นของสารนี้จะก่อให้เกิดการระคายเคือง การสัมผัสกับผิวหนังที่แตกจะก่อให้เกิดแผลพุพอง หรือแผลเปื่อยได้ การดูดซึมของสารนี้ผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดพิษ และเกิดผลกระทบต่อการทำงานของตับและไต รวมทั้งอาจทำให้เกิดภาวะภูมิไวต่อการสัมผัสทางผิวหนัง กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินสารนี้เข้าไปจะก่อให้เกิดแผลไหม้บริเวณปาก ลำคอ และกระเพาะอาหาร และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ก่อให้เกิดอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องร่วง กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ เส้นเลือดหดตัว วิงเวียนศีรษะ กระหายน้ำ เป็นตะคริว หมดสติ เกิดความผิดปกติของการสูบฉีดโลหิต เป็นไข้ ทำลายตับ และอาจทำให้เกิดภาวะไตล้มเหลวอย่างเฉียบพลันได้ สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดอาการตาแดง สายตาพร่ามัว ปวดตา และเกิดแผลไหม้ของเนื้อเยื่ออย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดการทำลายกระจกตา และทำให้ตาบอดได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ (NTP) – การสัมผัสสารเป็นระยะเวลานานหรือการสัมผัสสารซ้ำๆ จะทำให้เกิดแผลเปื่อยและแผลทะลุของโพรงจมูก ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ทำลายตับและไต เกิดแผลเปื่อยหรือแผลพุพองที่ผิวหนัง การเกิดแผลพุพองอาการเริ่มแรกจะไม่มีอาการเจ็บปวดแต่สารจะค่อยๆเกิดการทำลายลึกเข้าจนถึงกระดูก , สารนี้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บรักษา
สารที่เข้ากันไม่ได้ : ไฮดรอกซีน อะซิติกแอนไฮดราย เอททานอล ไตรไนโตรโทลูอีน ไฮดรอกซีลามัน กรดเข้มข้น สารที่ไวไฟ สารอินทรีย์หรือสารที่สามารเกิดปฏิกิริยาออกซิไดส์ได้ง่าย เช่น กระดาษ ไม้ ซัลเฟอร์ อลูมินัม พลาสติก สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน และสารที่เข้ากันไม่ได้ สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : ก๊าซโครเมียมออกไซด์ อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : ไม่เกิดขึ้น การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : –
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : – ค่า LEL % : – UEL % : – สารดับเพลิง : กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้เลือกใช้สารดับเพลิง/วิธีการดับเพลิง ที่เหมาะสมสำหรับสภาพการเกิดเพลิงโดยรอบ – สารนี้ไม่ไวไฟ แต่สารนี้เป็นสารออกซิไดส์อย่างแรง ซึ่งสามารถเกิดปฏิกิริยาคายความร้อนกับสารรีดิวซ์ทำให้เกิดการลุกติดไฟได้ – การกระแทกอย่างแรง การสัมผัสถูกความร้อน การเสียดสี หรือการสัมผัสกับประกายไฟอาจก่อให้เกิดการระเบิดได้ – ให้ใช้น้ำฉีดหล่อเป็นฝอยเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสถูกเพลิงไหม้ – ใช้น้ำฉีดหล่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสถูกเพลิงไหม้จนกระทั้งไฟดับหมด – กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) และชุดป้องกันสารเคมีพร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในบริเวณที่แห้งและเก็บแยกออกจากสารที่สามารถติดไฟได้ สารอินทรีย์ สารที่สามารถออกซิไดส์ได้ง่าย – การเคลื่อนย้ายและการเก็บรักษาจะต้องมีการป้องกันความเสียหายทางกายภาพ สถานที่เก็บ : – หลีกเลี่ยงการเก็บสารนี้ไว้บนพื้นไม้ – ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายโดยเฉพาะการเข้าไปบำรุงรักษารอยแตกร้าวภายใน หรือที่ซึ่งมีการสัมผัสสารมากเกินกว่าที่กำหนด – ให้ทำการล้างมือทุกครั้งก่อนการกินอาหาร ดื่มน้ำ หรือสูบบุหรี่ – ให้ล้างทำความสะอาดร่างกาย ให้ทั่วถึงภายหลังทำการเคลื่อนย้าย – ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ฝุ่น ของแข็ง อาจเป็นอันตรายได้ – ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้ ข้อมูลการขนส่ง ชื่อในการขนส่ง : Oxidation Solid , Corrosive , N.O.S. (Sodium bichromate) ประเภทอันตราย : 5.1 , 8 หมายเลข UN : UN 3085 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II รายงานข้อมูลสำหรับผลิตภัณฑ์ / ขนาด : ไม่ระบุ |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่หกรั่วไหล
-เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด -ให้ใช้การดูดหรือการกวาดขณะชื้นเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของฝุ่น -ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม การพิจารณาการกำจัด : ปฎิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด |
มาตรา 11: อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล |
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย แล้วนำส่งไบพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียน ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำปริมาณมาก ห้ามนำสิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากๆอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปรอะเปื้อนสารเคมีออก นำส่งไปพบแพทย์ และให้ซักทำความสะอาดเสื้อผ้าและรองเท้าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตาให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากๆอย่างน้อย 15 นาที พร้อมกระพริบตาถี่ๆขณะทำการล้าง นำส่งไปพบแพทย์ อื่นๆ : – |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :
– เมื่อรั่วไหลสู่ดิน สารนี้จะถูกชะลงสู่น้ำใต้ดินได้ – เมื่อรั่วไหลสู่น้ำ คาดว่าสารนี้ไม่สามารถระเหยได้ – สารนี้จะสะสมในสิ่งมีชีวิตได้ในบางช่วงความเข้มข้น – เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ สารนี้อาจเกิดการสลายตัวแบบเปียกออกจากอากาศได้ – คาดว่าสารนี้จะเป็นพิษต่อสัตว์และพืชน้ำ |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 7024
OSHA NO. : – วิธีการเก็บตัวอย่าง : กระดาษกรอง วิธีการวิเคราะห์ : อะตอมมิกแอบซอปชั่น ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้ : 0.8 um Cellulose ester membrane – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง : 1 ถึง 3 ลิตรต่อนาที – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด-สูงสุด : ต่ำสุด 10 ลิตร สูงสุด 1000 ลิตร |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : –
DOT Guide : – – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |