ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC Sodium monofluoride
ชื่อเคมีทั่วไป Sodium fluoride ชื่อพ้องอื่นๆ Disodium difluoride; Floridine; Florocid; Villiaumite; NaF; Sodium hydrofluoride; Sodium monofluoride; Trisodium trifluoride; Alcoa sodium fluoride; Antibulit; Cavi-trol; Chemifluor; Credo; Duraphat; Fda 0101; F1-tabs; Flozenges; Fluoral; Fluorident; Fluorigard; Fluorineed; Fluorinse; Fluoritab; Fluorocid; Fluor-o-kote; Fluorol; Fluoros; Flura; Flura-gel; Flura-loz; Flurcare; Flursol; Fungol b; Gel II; Gelution; Gleem; Iradicav; Karidium; Karigel; Kari-rinse; Lea-cov; Lemoflur; Luride; Luride lozi-tabs; Luride-sf; Nafeen; Nafpak; Na frinse; Nufluor; Ossalin; Ossin; Osteofluor; Pediaflor; Pedident; Pennwhite; Pergantene; Phos-flur; Point two; Predent; Rafluor; Rescue squad; Roach salt; Sodium fluoride cyclic dimer; So-flo; Stay-flo; Studafluor; Super-dent; T-fluoride; Thera-flur; Thera-flur-n; Zymafluor; Les-cav; Sodium Fluoride, 99.9%; สูตรโมเลกุล NaF CAS No. 7681-49-4 รหัส EC NO. – UN/ID No. 1690 รหัส RTECS – รหัส EUEINECS/ELINCS – ชื่อวงศ์ Metallic halide (inorganic salt) ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า Caledon Laboratories Ltd. แหล่งข้อมูลอื่นๆ – |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ใช้ฟอกขาวในอุตสาหกรรมกระดาษ สิ่งทอ และใช้เป็นสารเคมีในห้องปฏิบัติการ |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 64 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : – IDLH(ppm) : 146 (ppm) ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : 1.46(ppm) PEL-STEL(ppm) : – PEL-C(ppm) : – TLV-TWA(ppm) : 1.46(ppm) TLV-STEL(ppm) : – TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 : – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : เฉลี่ย 8 ชั่วโมง : สารเคมีอันตราย พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 3 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : สำนักงานอาหารและยา |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ของแข็ง, ผลึก
สี : ไม่มีสี , ขาว กลิ่น : ไม่มีกลิ่น นน.โมเลกุล : 41.99 จุดเดือด(0ซ.) : 1695 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : 998 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 2.78 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 1.45 ความหนืด(mPa.sec) : – ความดันไอ(มม.ปรอท) : – ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : > 10 ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : 7.4 แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 1.72 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.58 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : – |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคือง เจ็บคอ ไอ หายใจติดขัด คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง เกิดภาวะลำตัวเขียวคล้ำเนื่องจากขาดออกซิเจน อ่อนเพลีย สารนี้ดูดซึมและเกิดผลกระทบต่อระบบในร่างกายได้
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังทำให้เกิดการระคายเคือง แผลไหม้ ผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อน แผลพุพอง และทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่สัมผัสถูกทำลาย กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไปจะทำให้เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นตะคริวในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตลดลง อ่อนเพลีย อาจทำให้เกิดการทำลายสมองและไตได้ และการสัมผัสที่ความเข้มข้นที่ทำให้เสียชีวิตได้ (5-10 g) และก่อให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ชัก เกิดภาวะการทำงานไม่ประสานกัน หายใจติดขัด ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานผิดปกติ และทำให้เสียชีวิตได้ สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตา จะทำให้เกิดการระคายเคือง ตาแดง เจ็บตา สายตาพล่ามัวและอาจทำให้ตาบอดได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : ผลกระทบต่อการสัมผัสสารนี้เป็นระยะเวลานานทางการหายใจจะก่อให้เกิดอาการหายใจติดขัด ไอ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น และเกิดภาวะลำตัวเขียวคล้ำเนื่องจากขาดออกซิเจน |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียรที่อุณหภูมิต่ำกว่า 1800 องศาเซลเซียส
สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์อย่างแรง กรดแร่เข้มข้น แก้ว สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ไม่มี สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เกิดออกไซด์ของคาร์บอนและไนโตรเจน ฟูม/ก๊าซพิษของไฮโดรเจนและโซเดียมออกไซด์ อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะทำปฏิกิริยากับกรดฟอมิคที่สามารถระเบิดได้ ทำปฏิกิริยารุนแรงกับอะซิโตนไนไตรส์เซลูโลส สารนี้สามารถทำปฏิกิริยากับกรดทำให้เกิดไฮโดรเจนฟลูออไรด์ซึ่งเป็นพิษและมีฤทธิ์กัดกร่่อนรุนแรง การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : –
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : – ค่า LEL % : – UEL % : – สารดับเพลิง : ให้ใช้สารเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์ ใช้น้ำฉีดให้เป็นฝอย และโฟม – สารนี้จะเกิดติดไฟจากความร้อน, ประกายไฟ เปลวไฟ – ไอระเหยของสารนี้อาจไหลแพร่กระจายไปสู่แหล่งจุดติดไฟและเกิดติดไฟย้อนกลับมาได้ – ภาชนะบรรจุอาจเกิดการระเบิดขึ้นได้จากความร้อนและเปลวไฟ – ไอระเหยสามารถทำให้ระเบิดได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งหรือในท่อ – อันตรายจากการเผาไหม้จะเกิดฟูม/ก๊าซพิฒของคาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ และไอระเหย – ให้เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกถ้าทำได้โดยปราศจากความเสี่ยง – ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสถูกเพลิง เพื่อป้องกันการระเบิดให้ออกห่างจากด้านท้ายของภาชนะบรรจุ – กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด ป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับแสง และป้องกันการเสียหายทางกายภาพ – เก็บในที่ที่เย็น แห้ง มีการระบายอากาศเป็นอย่างดี สถานที่เก็บ : – เก็บให้ห่างจากแหล่งจุดติดไฟ เปลวไฟและการเอื้อมถึงของมือเด็ก และสารที่เข้ากันไม่ได้ – หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดฝุ่น ข้อมูลการขนส่ง ชื่อในการขนส่ง : – ประเภทอันตราย : 6.1 , 9.2 หมายเลข UN : UN 1690 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม III รายงานข้อมูลสำหรับผลิตภัณฑ์ / ขนาด : ไม่ระบุ |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– หยุดการรั่วไหลของสารถ้าสามารถหยุดได้โดยปราศจากความเสี่ยงอันตราย
– ดูดซับสารที่หกรั่วไหลด้วยทรายหรือวัสดุอื่น ๆ และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดสำหรับนำไปกำจัด – หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่, การดื่มหรือการกิน – สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPR) อย่างเหมาะสม การพิจารณาการกำจัด : ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ แล้วนำไปพบแพทย์โดยด่วน ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าผู้ป่วยหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป ให้บ้วนล้างปากด้วยน้ำสะอาดและนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที อื่นๆ : – |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :
– ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย หรือดิน – ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ หากมีการใช้และจัดการกับผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 7902 , 7906
OSHA NO. : ID 110 วิธีการเก็บตัวอย่าง : – วิธีการวิเคราะห์ : – ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้ 0.8 cellulose ester filter – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 1 – 2 ลิตรต่อนาที – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด 12 ลิตร -สูงสุด 800 ลิตร |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 39
DOT Guide : 154 – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |