ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC 2-Propanone
ชื่อเคมีทั่วไป Acetone ; Dimethyl ketone ชื่อพ้องอื่นๆ Methyl ketone; Ketone propane; Dimethyl formaldehyde; Beta-ketopropane; Pyroacetic ether; Propanone; Dimethylketal; Pyroacetic acid; Chevron acetone สูตรโมเลกุล C3H6O สูตรโครงสร้าง รหัส IMO CAS No. 67-64-1 รหัส EC NO. 606-001-00-8 UN/ID No. 1090 รหัส RTECS AL 3150000 รหัส EUEINECS/ELINCS 200-662-2 ชื่อวงศ์ – ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า – แหล่งข้อมูลอื่นๆ – |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ใช้ในการทำเครื่องสำอางค์ เป็นตัวทำละลาย ใช้ในการชะล้าง เป็นสารไล่น้ำ |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 5800 (มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : 50,100/ 8 (มก./ม3) IDLH(ppm) : 2500 (ppm) ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : 1000 (ppm) PEL-STEL(ppm) : 1000 (ppm) PEL-C(ppm) : – TLV-TWA(ppm) : 500 (ppm) TLV-STEL(ppm) : 750 (ppm) TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 : – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : – พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 3 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ของเหลว
สี : ใส ไม่มีสี กลิ่น : คล้ายมินท์ นน.โมเลกุล : 58.08 จุดเดือด(0ซ.) : 56.5 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -95 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 0.79 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : – ความหนืด(mPa.sec) : 0.32 ความดันไอ(มม.ปรอท) : 400 ที่ 39.50ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ละลายน้ำได้ ที่ 200ซ. ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : – แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 2.38 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.42 ppm ที่ 250ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : – |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเอาไอระเหยของสารเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ เวียนศีรษะ หดหู่ และปวดศีรษะ ถ้าได้รับปริมาณมาก ๆ มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการทำลายชั้นไขมันของผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นแดง ผิวหนังแห้งและแตก ก่อให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไปในปริมาณน้อยจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่หากกินหรือกลืนเข้าไปในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตา ไอระเหยของสารจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา ทำให้ ปวดตา น้ำตาไหล ตาแดง และปวดตาได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : สัมผัสเรื้อรัง : การสัมผัสนาน ๆ หรือเป็นประจำทางผิวหนัง จะก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง หรืออาจทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังได้ สารนี้มีผลทำลายปอด ทรวงอก ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้เสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ
สารที่เข้ากันไม่ได้ : ส่วนผสมระหว่างกรดไนตริกเข้มข้นและกรดซัลฟูริก, สารออกซิไดซ์, คลอโรฟอร์ม, แอลคาไล, สารประกอบคลอรีน, กรด, โพแทสเซียมทีบิวทอกไซด์ (potassium t-butoxide) สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน เปลวไฟ แหล่งจุดติดไฟและสารที่เข้ากันไม่ได้ สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : คาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนนอกไซด์ จะเกิดขึ้นเมื่อถูกความร้อนทำให้สลายตัว อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : -20
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : 465 ค่า LEL % : 2.5 UEL % : 12.8 สารดับเพลิง : ให้ใช้ผงเคมีแห้ง แอลกอฮอล์โฟม หรือคาร์บอนไดออกไซด์ – การระเบิด จะเกิดขึ้นได้เมื่อสัมผัสกับความร้อนที่อุณหภูมิมากกว่าจุดวาบไฟ – ส่วนผสมไอระเหยกับอากาศจะระเบิดได้ภายในขีดจำกัดความไวไฟ – ไอระเหยสามารถแพร่กระจายไปสู่แหล่งจุดติดไฟและเกิดไฟย้อนกลับมาได้ – การสัมผัส กับสารออกซิไดซ์อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ – ภาชนะบรรจุที่ปิดผนึกสนิทอาจเกิดระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน – สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัวคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนนอกไซด์ จะเกิดขึ้นเมื่อถูกความร้อนทำให้สลายตัว – สารนี้ว่องไวต่อประจุไฟฟ้าสถิตย์ – น้ำจะใช้ไม่ได้ผลในการดับเพลิง – ให้ใช้การฉีดน้ำเป็นฝอยเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่ถูกเพลิงไหม้ , เจือจางส่วนที่หกรั่วไหลให้เป็นส่วนผสมที่ไม่ไวไฟ และเพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารและพยายามป้องกันบุคคลที่จะเข้าไปหยุดการรั่วไหลและการแพร่กระจายของไอระเหย – ในเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ ให้สวมใส่ชุดป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว(SCBA) พร้อมกับหน้ากากแบบเต็มหน้า |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด – เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง – เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ สถานที่เก็บ : – เก็บห่างจาก : ความร้อน เปลวไฟ แหล่งจุดติดไฟ และสารที่เข้ากันไม่ได้ – ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีการใช้และเก็บสาร – หลีกเลี่ยงการหายใจ การกลืนกิน การสัมผัสกับผิวหนัง และเสื้อผ้า – ทำการเคลื่อนย้ายในที่โล่ง – ให้ล้างทำความสะอาดร่างกาย ให้ทั่วถึงภายหลังทำการเคลื่อนย้าย ข้อมูลการขนส่ง : ชื่อในการขนส่ง : ไม่ระบุไว้ ประเภทอันตราย : ไม่ระบุไว้ หมายเลข UN : ไม่ระบุไว้ ประเภทการบรรจุหีบห่อ : ไม่ระบุไว้ ขนาดผลิตภัณฑ์ : ไม่ระบุไว้ |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– วิธีการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุรั่วไหล : ให้ระบายอากาศพื้นที่ที่หกรั่วไหล
– ให้เคลื่อนย้ายแหล่งจุดติดไฟทั้งหมดออกไป – ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม – กั้นแยกบริเวณที่หกรั่วไหลเป็นพื้นที่อันตราย – ป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป – เก็บและเอาของเหลวคืนกลับมาใช้ใหม่เมื่อเป็นไปได้ – ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ – เก็บรวบรวมของเหลวในภาชนะบรรจุที่เหมาะสมหรือดูดซับด้วยวัตถุเฉื่อย เช่น แร่หินทราย (vermiculite) ทรายแห้ง ดิน (earth) และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุกากของเสียจากเคมี – อย่าใช้วัสดุติดไฟได้ เช่น ขี้เลื่อย ในการดูดซับสารที่หกรั่วไหล – อย่าฉีดล้างลงท่อระบายน้ำ ถ้าสารที่หกรั่วไหลยังไม่ลุกติดไฟ – ใช้น้ำฉีดเป็นฝอยเพื่อสลายกลุ่มไอระเหย เพื่อป้องกันบุคคลที่พยายามจะเข้าไปหยุดการรั่วไหล และฉีดล้างส่วนที่หกรั่วไหลออกจากการสัมผัส – แนะนำให้ใช้วัสดุดูดซับตัวทำละลายกับการหกรั่วไหลของสารนี้ – การกำจัด ไม่ควรนำสารกลับมาใช้ใหม่ ควรนำไปกำจัดเช่นเดียวกับของเสียอันตราย – กระบวนการใช้หรือการปนเปื้อนของสารนี้จะต้องเปลี่ยนแนวทางในการจัดการของเสียใหม่ – การจัดการกับภาชนะบรรจุและมิได้ใช้แล้วจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับกฏหมาย ความต้องการของส่วนกลางและท้องถิ่น การกำจัด : ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายออกไปที่อากาศบริสุทธิ ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจลำบาก ให้ออกซิเจน นำส่งไปพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไป อาจจะทำให้เกิดการอาเจียนขึ้น แต่อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียน หากมีอาการอาเจียนให้ผู้ป่วยเอียงศีรษะลงต่ำ เพื่อป้องกันการหายใจเอาสารที่เกิดจากการอาเจียนเข้าสู่ปอด ห้ามมิให้นำสิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากๆ อย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปรอะเปื้อนสารเคมีออก นำส่งไปพบแพทย์ ให้ทำความสะอาดเสื้อผ้าและรองเท่าก่อนนำมาใช้อีกครั้ง สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที พร้อมกระพริบตาถี่ๆขณะทำการล้าง นำส่งไปพบแพทย์ อื่นๆ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :
– สิ่งแวดล้อมถูกทำลายเสียหายเมื่อรั่วไหลสู่ดิน – สารนี้คาดว่าจะสลายตัวทางชีววิทยาได้ง่ายเมื่อรั่วไหลสู่ดิน – สารนี้คาดว่าจะถูกชะล้างลงสู่น้ำใต้ดิน เมื่อรั่วไหลสู่ดิน – สารนี้คาดว่าจะมีการระเหยอย่างรวดเร็ว เมื่อรั่วไหลสู่น้ำ – สารนี้คาดว่าจะสลายตัวทางชีววิทยาได้ง่าย เมื่อรั่วไหลสู่น้ำ – สารนี้คาดว่าจะมีการระเหยอย่างรวดเร็ว – สารนี้มีค่าสัมประสิทธิ์ค่า Log ของอ๊อกทานอลกับน้ำน้อยกว่า 3.0 – สารนี้ไม่สามารถคาดได้ว่าจะสะสมสิ่งมีชีวิตได้ เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้จะสลายตัวได้ปานกลางโดยทำปฏิกิริยากับสารไฮดรอกวิล เรดิวิล ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีกับแสง เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้จะสลายตัวโดยการสังเคราะห์แสงได้ปานกลาง เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้คาดว่าสามารถเอาออกจากบรรยากาศได้ง่ายโดยทำให้เกิดการตกตะกอนแบบเปียก – ความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม: – สารนี้ไม่สามารถคาดได้ว่าจะเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ – ค่าความเข้มข้นที่ทำให้ปลาตายกว่าร้อยละ 50 LC50ภายใน 96 ชั่วโมงมีค่ามากกว่า 1-100 มิลลิกรัมต่อลิตร |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 1300 , 3800
OSHA NO. : 69 วิธีการเก็บตัวอย่าง : – วิธีการวิเคราะห์ : – ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้ coconut shell charcoal 100 mg/50 mg – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.01 ถึง 0.2 ลิตรต่อนาที – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด-สูงสุด 0.5 ลิตร , 3 ลิตร |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 14
DOT Guide : 127 – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |