ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC Aminobenzene
ชื่อเคมีทั่วไป Aniline ชื่อพ้องอื่นๆ Benzamine; Aniline oil, phenylamine; Aniline oil; Phenylamine; Aminophen; Kyanol; Benzidam; Blue oil; C.I. 76000; C.I. oxidation base 1; Cyanol; Krystallin; Anyvim; Arylamine; Aniline ; สูตรโมเลกุล C6H7N CAS No. 62-53-3 รหัส EC NO. 612-008-00-7 UN/ID No. 1547 รหัส RTECS BW 6650000 รหัส EUEINECS/ELINCS 200-539-3 ชื่อวงศ์ Aromatic primary amine aniline/aminobenzene /benzeneamine ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า – แหล่งข้อมูลอื่นๆ CHEMINOFO |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ใช้ในการผลิตเมทิลีนไดมีนิลไดโอโซไซยาเนต (MDI) และโพลีเมอริก MDI (PMPPI) และการผลิตยาง, สีย้อม, ไฮโดรคีโนน, ผลิตยาและสารเคมีทางการเกษตร ใช้ในกระบวนการผลิตไซโคลเฮกซีลามีน, พีโนลิก, สารยับยั้งการกัดกร่อน, เป็นส่วนประกอบในแลคเกอร์, ยาง, และอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ใช้เป็นสารในห้องปฏิบัติการ |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 25 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : 665/ 7 ชั่วโมง (หนู)(มก./ม3) IDLH(ppm) : 100(ppm) ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : 2(ppm) PEL-STEL(ppm) : – PEL-C(ppm) : – TLV-TWA(ppm) : 2(ppm) TLV-STEL(ppm) : – TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535: – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : – พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 3 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ของเหลว เหมือนน้ำมัน
สี : ไม่มีสี กลิ่น : เหม็น เฉพาะตัว นน.โมเลกุล : 93.13 จุดเดือด(0ซ.) : 184-184.5 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -6.03 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 1.022 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 3.22 ความหนืด(mPa.sec) : 4.35 ความดันไอ(มม.ปรอท) : 0.3ที่ 200ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : 3.5 ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : 8.1 แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 3.80 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.263 ppm ที่ 250ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : – ละลายในเอทานอล อะซีโตน ไดเอทิลอีเธอร์ เบนซีน คลอโรฟอร์ม และตัวทำละลายอินทรีย์ – สารนี้จะเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสถูกอากาศหรือแสง |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเข้าไปทำให้หายใจติดขัด คลื่นไส้ อาเจียน คอแห้ง วิงเวียน อ่อนเพลีย หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดปกติ อาการโคม่า เสียชีวิต เนื่องจากหัวใจล้มเหลว
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนัง สารนี้ดูดซึมผ่านผิวหนัง กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไปทางเดินอาหาร เป็นอันตรายต่อร่างกาย สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตาทำให้เกิดการระคายเคืองตา ทำให้มองไม่ชัดเจน การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : – สารนี้เป็นสารก่อมะเร็ง กลุ่ม 3 ตาม IARC. กลุ่ม A3 ตาม ACGIH – สารนี้ทำลายเลือด ตา ตับ ไต ระบบหายใจ และระบบประสาทส่วนกลาง |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียรปานกลาง เกิดการออกซิไดส์เมื่อสัมผัสอากาศและแสง
สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์ เช่น เปอรออกไซด์, เปอร์โครเมต, กรดไนตริก, โอโซน, กรดเปอร์คลอริก ทำให้เกิดเพลิงไหม้และการระเบิด กรด-ทำปฏิกิริยารุนแรง, ไนโตรมีเทน-เกิดการติดไฟ, เตตระไนโตรมีเทน, ไตรคลอโรไนโตรมีเทน-ทำปฏิกิริยารุนแรง, ซิลเวอร์เปอร์คลอเรต, โลหะอัลคาไลน์, โลหะอัคคาไลน์เอิร์ท-เกิดก๊าซไฮโดรเจนที่ไวไฟเฮกซะคลอโรเมลามีน, ไตรคลอโรเมลามีน-เกิดปฏิกิริยารุนแรง สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : เปลวไฟและความร้อน สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เปลวไฟและความร้อน อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : 70
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : 615 ค่า LEL % : 1.3 UEL % : 11 สารดับเพลิง : คาร์บอนไดออกไซด์, ผงเคมีแห้ง, โฟมแอลกอฮอล์, โพลีเมอร์โฟม, น้ำฉีดเป็นฝอย – สารนี้ไวไฟ – ส่วนผสมของไอระเหยกับอากาศสามารถทำให้เกิดการระเบิด ที่อุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส – ภาชนะบรรจุของสารอาจเกิดการระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือไฟ – ใช้น้ำฉีดเป็นฝอยเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสเพลิงไหม้ – สารเคมีอันตรายจากการเผาไหม้ : คาร์บอนมอนนอกไซด์, คาร์บอนไดออกไซด์, ไนโตรเจนออกไซด์, – กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) – อพยพออกจากบริเวณเพลิงไหม้ – การอยู่เหนือลม เพื่อป้องกันไอระเหยที่เป็นพิษและทำให้ระคายเคือง – ใช้น้ำฉีดเป็นฝอย เพื่อลดการแพร่กระจายของฝุ่น |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด เมื่อไม่ได้ใช้งาน – เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง – เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ – เก็บห่างจากความร้อน แหล่งจุดติดไฟ – เก็บห่างจากสารที่เข้ากันไม่ได้ สถานที่เก็บ : – ทำความสะอาดบริเวณเก็บสารเคมี – บริเวณเก็บสารเคมีควรแยกจากบริเวณทำงาน – ติดป้ายเตือนอันตราย – ติดฉลากที่ภาชนะ – เก็บภาชนะบรรจุไว้ในระดับความสูงที่เหมาะสมกับการเคลื่อนย้าย – ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้ – การเก็บสารเคมีควรทำจากวัสดุที่ทนไฟ และไม่ใช่สารไวไฟ – มีอุปกรณ์ดับเพลิงหรือทำความสะอาดในบริเวณเก็บสารเคมี – ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้ – ต่อภาชนะบรรจุลงดิน – ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ – อย่าใช้ร่วมกับสารที่เข้ากันไม่ได้ – ป้องกันสารเพลิงไหม้ไปในบริเวณทำงาน – อย่านำสารที่ใช้แล้วใส่เข้าในบริเวณภาชนะบรรจุใหม่ ข้อมูลการขนส่ง : ชื่อในการขนส่ง : Aniline ประเภทอันตราย : 6.1, 9.2 หมายเลข UN : UN 1547 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II ขนาดผลิตภัณฑ์ : 50 kg |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– อย่าเข้าไปบริเวณสารรั่วไหลจนกว่าจะมีการทำความสะอาดเรียบร้อย
– ทำความร้อนโดยบุคคลที่มีความชำนาญ – ระบายอากาศบริเวณสารหกรั่วไหล – ดับเพลิง หรือย้ายแหล่งจุดติดไฟออกจากบริเวณสารหกรั่วไหล – ย้ายหรือแยกสารไวไฟออกจากบริเวณสารหกรั่วไหล – ป้องกันไม่ให้สารเคมีที่หกรั่วไหล ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่นๆ – เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด – ให้หยุดการรั่วไหล ถ้าสามารถทำได้โดยปราศจากความเสี่ยงอันตราย – ให้ดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยทราย ดิน แร่เวอร์มิคิวไลต์ หรือวัสดุดูดซับที่ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี – ล้างบริเวณสารหกรั่วไหล หลังจากสารเคมีถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว การกำจัด : ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์ทันที
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไปอย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียน ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ ให้ผู้ป่วยช่วยดื่มน้ำ 240-300 ml. เพื่อเจื้อจางสารในท้อง ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนังให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำ โดยให้น้ำไหลผ่าน 20 นาที หรือจนสารเคมีออกหมด สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตาให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมาก โดยให้น้ำไหลผ่านเป็นเวลา 20 นาที โดยใช้นิ้วถ่างแยกเปลือกตาออก อย่าให้น้ำล้างตาไหลไปโดนตาที่ไม่ได้สัมผัสสาร นำส่งพบแพทย์ทันที อื่นๆ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :
– เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ เป็นอันตรายต่อแหล่งน้ำดื่ม |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 2002 , 2017
OSHA NO. : A95-1 วิธีการเก็บตัวอย่าง : หลอดเก็บตัวอย่าง วิธีการวิเคราะห์ : แก๊ซโครมาโตกราฟฟี ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้หลอดเก็บตัวอย่าง 150 mg/75mg – การวิเคราะห์ใช้เทคนิค Gas Chromatography ใช้ FID Detector |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 38
DOT Guide : 153 – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |