ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC Chlorobenzene
ชื่อเคมีทั่วไป Phenyl Chloride; Benzene chloride ชื่อพ้องอื่นๆ Benzene chloride; Chlorobenzol; MCB; Monochlorobenzol; Chlorobenzene; Chlorobenzene Mono; Monochlorobenzene สูตรโมเลกุล C6H5Cl CAS No. 108-90-7 รหัส EC NO. 602-033-00-1 UN/ID No. 1134 รหัส RTECS CZ 0175000 รหัส EUEINECS/ELINCS 203-628-5 ชื่อวงศ์ – ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า J.T. Baker Inc. แหล่งข้อมูลอื่นๆ – |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ใช้เป็นตัวทำละลาย , ใช้เป็นสารออกซิไดส์ , เป็นตัวทำละลายโพลีคาร์บอเนต |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 1110 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : 11889.65/ – ชั่วโมง (มก./ม3) IDLH(ppm) : 1000(ppm) ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : 75(ppm) PEL-STEL(ppm) : – PEL-C(ppm) : – TLV-TWA(ppm) : 10(ppm) TLV-STEL(ppm) : – TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 : – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : – พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 2 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ของเหลว
สี : ใส ไม่มีสี กลิ่น : คล้ายอัลมอนด์ นน.โมเลกุล : 112.56 จุดเดือด(0ซ.) : 132 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -45 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 1.11 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 3.88 ความหนืด(mPa.sec) : – ความดันไอ(มม.ปรอท) : 11.8 ที่ 20 0ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ไม่ละลายน้ำ ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : – แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 4.01 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.22 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : สารนี้สามารถละลายได้ดีมากในเอทานอล |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ หายใจถี่รัว มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้เวียนศีรษะ เกิดการทำงานไม่ประสานกันของกล้ามเนื้อ และหมดสติ
สัมผัสทางผิวหนัง : สัมผัสถูกผิวหนัง จะก่อให้เกิดการระคายเคือง เกิดผื่นแดงคัน และอาการเจ็บปวด สารนี้สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้อย่างช้า ๆ ทำให้เกิดผลต่อระบบของร่างกายได้ กินหรือกลืนเข้าไป : การกินเข้าไปเป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และมีผลเหมือนกับการหายใจเอาสารนี้เข้าไป สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตา ไอระเหยของสารจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตา เกิดแผลไหม้และเกิดการทำลายตาได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : สัมผัสเรื้อรัง การสัมผัสนาน ๆ หรือเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดอาการอักเสบที่ผิวหนัง หรือแผลไหม้บริเวณผิวหนัง รวมถึงตับ ไต ระบบประสาทส่วนกลาง ต่อมไทมัส ม้าม ไขกระดูก อัณฑะ หรือปอดถูกทำลายได้ |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียรภายใต้ภาวะปกติของการใช้งานและการเก็บรักษา
สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์ ไดเมททิล ซัลฟอกไซด์ (Dimethyl sulfoxide) สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน เปลวไฟ แหล่งจุดติดไฟ อากาศและสารที่เข้ากันไม่ได้ สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไฮโดรเจนคลอไรด์ และฟอสจีน อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : 28
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : 590 ค่า LEL % : 1.3 UEL % : 9.6 สารดับเพลิง : ผงเคมีแห้ง โฟมโพลีเมอร์ หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ – การระเบิด : ส่วนผสมไอระเหยกับอากาศอาจจะเกิดการระเบิดได้ภายใต้ขีดจำกัดความไวไฟที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟ – ภาชนะบรรจุที่ปิดผนึกอาจเกิดระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน – ไอระเหยสามารถไหลไปบนพื้นสู่แหล่งจุดติดไฟ และเกิดไฟย้อนกลับมาได้ – เมื่อสัมผัสกับสารที่เข้ากันไม่ได้จะทำให้เกิดอันตราย – ว่องไวต่อประจุไฟฟ้าสถิตย์ – สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัวเนื่องจากความร้อน : ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนออกไซด์ ไฮโดรเจนคลอไรด์ และฟอสจีน – ใช้การฉีดน้ำเป็นฝอยเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่ถูกเพลิงไหม้ – ใช้น้ำฉีดล้างส่วนที่หกรั่วไหลออกจากบริเวณที่สัมผัสเพื่อเจือจางส่วนที่หกรั่วไหลให้เป็นส่วนผสมที่ไม่ไวไฟ – ในเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ ให้สวมใส่ชุดป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมกับหน้ากากแบบเต็มหน้า |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด – เก็บในที่เย็น และแห้งมีการระบายอากาศที่ดี – ป้องกันการเกิดความเสียหายทางกายภาพ สถานที่เก็บ : – เก็บห่างจากที่ซึ่งอาจเกิดจากอันตรายจากอัคคีภัย และสารออกซิไดส์ – เก็บไว้ภายนอกอาคารหรือแยกเก็บในห้องเก็บให้เหมาะสม – แยกออกจากสารที่เข้ากันไม่ได้ – ภาชนะบรรจุจะต้องต่อสายเชื่อม (Bonded) และต่อสายดินขณะถ่ายเทสารนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงประกายไฟฟ้าสถิตย์ – บริเวณสถานที่เก็บและสถานที่ใช้ต้องกันไว้ไม่ให้มีการสูบบุหรี่ – ภาชนะบรรจุสารนี้เป็นถังที่เปล่าแต่มีกากสารเคมีที่ตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย หรือของเหลว อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ – ให้ดูป้ายเตือนและข้อควรระมัดระวังอันตรายของสารนี้ทั้งหมด ข้อมูลการขนส่ง : ชื่อในการขนส่ง : คลอเบนซีน (Chlorobenzene) ประเภทอันตราย : 3 หมายเลข UN : UN 1134 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม III ขนาดผลิตภัณฑ์ : 20 ลิตร |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– วิธีการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุรั่วไหล ให้ระบายอากาศพื้นที่ที่หกรั่วไหล
– เคลื่อนย้ายแหล่งจุดติดไฟทั้งหมดออกไป – ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม – กั้นแยกพื้นที่อันตรายออก – ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่มีหน้าที่จำเป็นและไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเข้าไป – เก็บและเอาของเหลวคืนกลับมาใช้ใหม่ถ้าเป็นไปได้ – ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ทำให้เกิดประกายไฟ – เก็บรวบรวมส่วนที่หกรั่วไหลใส่ในภาชนะบรรจุที่เหมาะสมหรือดูดซับด้วยวัสดุเฉื่อย เช่น แร่หินทราย (vermiculite) ทรายแห้ง และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุกากของเสียจากเคมี – อย่าใช้วัสดุที่ติดไฟได้เป็นตัวดูดซับ เช่น ขี้เลื่อย – อย่าฉีดล้างลงท่อระบายน้ำ ถ้าสารที่หกรั่วไหลยังไม่ลุกติดไฟ ให้ใช้น้ำฉีดเป็นฝอยเพื่อสลายกลุ่มไอระเหย เพื่อป้องกันบุคคลที่พยายามจะเข้าไปหยุดการรั่วไหล และฉีดล้างส่วนที่หกรั่วไหลออกจากการสัมผัสๆ การกำจัด : ไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ ควรนำไปกำจัดในเตาเผาที่ได้ความเห็นชอบจากทางราชการ |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ช่วยผายปอด ถ้าผู้ป่วยหายใจลำบาก ให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำตามปริมาณมาก ห้ามไม่ให้นำสิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำและสบู่ปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที พร้อมกระพริบตาถี่ๆขณะทำการล้าง นำส่งไปพบแพทย์ สัมผัสถูกตา : สัมผัสถูกตา ล้างตาโดยทันทีด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที ยกเปลือกตาขึ้นลง นำส่งไปพบแพทย์โดยทันที อื่นๆ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :
– สิ่งแวดล้อมถูกทำลายเสียหาย เมื่อรั่วไหลสู่ดิน – สารนี้ระเหยเหลือความเข้มข้นปานกลางเมื่อรั่วไหลสู่ดิน – สารนี้ไม่สามารถคาดได้ว่าจะสลายตัวทางชีวภาพได้เมื่อรั่วไหลสู่ดิน – สารนี้จะถูกชะล้างลงสู่น้ำใต้ดิน เมื่อรั่วไหลลงสู่ดิน – สารนี้คาดว่าจะมีการระเหยอย่างรวดเร็ว เมื่อรั่วไหลสู่น้ำ – สารนี้คาดว่าจะมีการสลายตัวไปครึ่งหนึ่ง (half-life) ภายในเวลาน้อยกว่า 1 วัน เมื่อรั่วไหลสู่น้ำ – สารนี้ไม่สามารถคาดได้ว่าจะสลายตัวทางชีวภาพได้เมื่อรั่วไหลลงสู่ดิน – สารนี้ไม่สามารถคาดได้ว่าจะสะสมสิ่งมีชีวิตได้ เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้จะสลายตัวเหลือความเข้มข้นปานกลางโดยทำปฏิกิริยากับสารไฮดรอกซิล เรดิเคิล ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีกับแสง เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้คาดว่าจะมีการสลายตัวไปครึ่งหนึ่ง (half-life) ภายในเวลา 1-10 วัน – ความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม : ค่าความเข้มข้นที่ทำให้ปลาตาบกว่าร้อยละ 50 (LC50)ภายใน 96 ชั่วโมงมีค่าประมาณ 10-100 มิลลิกรัมต่อลิตร – สารนี้คาดว่าจะเป็นพิษน้อยมากต่อสัตว์น้ำและพืชน้ำ |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 1003
OSHA NO. : 07 วิธีการเก็บตัวอย่าง : – วิธีการวิเคราะห์ : – ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้ coconut shell charcoal 100 mg./50 mg. – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.01 ถึง 0.2 ลิตรต่อนาที |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 18
DOT Guide : 130 – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |