Butanol-iso

ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น
        ชื่อเคมี IUPAC   2-Methyl-1-propanol

        ชื่อเคมีทั่วไป     Isobutyl alcohol

        ชื่อพ้องอื่นๆ      2-Methylpropan-1-ol; Isobutanol; IBA; Isopropyl Carbinol; 2-Methylpropyl Alcohol; I-Butyl alcohol; Butanol-iso; Fermentation butyl alcohol; 1-Hydroxymethylpropane; Isopropyl carbitol; Isobutyl alcohol ;

        สูตรโมเลกุล      C4H10O

        สูตรโครงสร้าง        สไลด์127

        รหัส IMO       12286089_10207247452278075_1668521281_n

        CAS No.        78-83-1

        รหัส EC NO.    603-004-00-6

        UN/ID No.      1212             

        รหัส RTECS     NP 9625000

        รหัส EUEINECS/ELINCS         201-148-0

        ชื่อวงศ์  Primary aliphatic alcohol/primary alkanol butyl alcohol

        ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า           –

        แหล่งข้อมูลอื่นๆ CHEMINFO

ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม
        ส่วนประกอบ:

        ชื่อ         CAS #         น้ำหนักร้อยละ
                 78-83-1         
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์
        การใช้ประโยชน์ : สารนี้นำไปใช้เป็นตัวทำละลายในการผลิตสีและน้ำมันเคลือบเงา (Lacquers), น้ำยาทำความสะอาดและของไหลในระบบไฮโดรลิก, ใช้ในการผลิต isobutyl esters, สารเติมแต่งในพลาสติก, เชื้อกลิ่น, และน้ำหอม

ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ

         LD50(มก./กก.) : 2460 (หนู)(มก./กก.)

        LC50(มก./ม3) :      –

        IDLH(ppm) :    1600(ppm)

        ADI(ppm) :      –

        MAC(ppm) :    –

        PEL-TWA(ppm) :       50(ppm)

        PEL-STEL(ppm) :      –

        PEL-C(ppm) :       –

        TLV-TWA(ppm) :        50(ppm)      

        TLV-STEL(ppm) :     –

        TLV-C(ppm) :      –

        พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 :      –

        พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 :         –

        พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 :                –

        พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 :   –

        พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 :          

        หน่วยงานที่รับผิดชอบ :            –

ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี
         สถานะ : ของเหลว

        สี : ใส ไม่มีสี

        กลิ่น : หวาน

        นน.โมเลกุล :   74.12

        จุดเดือด(0ซ.) :  108

        จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -108

        ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) :        0.8

        ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) :    2.6

        ความหนืด(mPa.sec) :     4.7

        ความดันไอ(มม.ปรอท) :  8.8 ที่ 200ซ.

        ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) :  9.8 ที่ 20 0ซ.

        ความเป็นกรด-ด่าง(pH) :  –

        แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm =    3.03

        มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 =         0.33 ppm ที่ 25 0ซ.

        ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ :   –

มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย
        สัมผัสทางหายใจ การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง จมูกและลำคอ และทางเดินหายใจ การหายใจเข้าไปในปริมาณมากจะก่อให้เกิดอาการไอและหายใจติดขัด, กดระบบประสาทส่วนกลางจะก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, เวียนศีรษะ และอาจหมดสติได้

        สัมผัสทางผิวหนัง การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังเล็กน้อย

        กินหรือกลืนเข้าไป การกลืนหรือกินเข้าไปจะกดระบบประสาทส่วนกลางมีผลทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง เจ็บหน้าอก, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, เวียนศีรษะ และถ้ากลืนหรือเข้าไปปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการจะเกิดอาการที่รุนแรงขึ้นและอาจจะตายได้ ทำลายตับและไต

        สัมผัสถูกตา การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคือง

        การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ สารนี้มีผลทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ตับ ไต

มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา
         ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียร

        สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์, โครเมียมไตรออกไซด์

        สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ประจุไฟฟ้าสถิตย์, ประกายไฟ, ความร้อน, เปลวไฟ และแหล่งจุดติดไฟอื่น ๆ

        สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : ไม่มีข้อมูลระบุ

        อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น

        การกัดกร่อนของโลหะ : ไม่ระบุไว้

มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด
         จุดวาบไฟ(0ซ.) :            28

        จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) :    415

        ค่า LEL % :     1.7

        UEL % :         10.6

        NFPA Code :   

         สารดับเพลิง : ผงเคมีแห้ง โฟมโพลีเมอร์ หรือ คาร์บอนไดออกไซด์

                – สารนี้เป็นสารไวไฟ

                – ที่อุณหภูมิหรือสูงกว่าอุณหภูมิ ส่วนผสมของไอระเหยกับอากาศสามารถทำให้เกิดการระเบิด

                – ไอระเหยของสารสามารถแพร่กระจายออกไปถึงแหล่งจุดติดไฟและอาจเกิดการติดไฟย้อนกลับมา

                – น้ำจะใช้ดับเพลิงไม่ได้ผลเพราะว่าอาจจะไม่ทำให้สารนี้เย็นลงต่ำกว่าจุดวาบไฟได้

                – สารอันตรายที่เกิดจากการเผาไหม้และการสลายตัวเนื่องจากความร้อน : คาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์

มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง
         การเก็บรักษา :

                – เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด เมื่อไม่ได้ใช้งาน

                – เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง

                – เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ

        สถานที่เก็บ :

                – เก็บห่างจากความร้อน แหล่งจุดติดไฟ

                – เก็บห่างจากสารที่เข้ากันไม่ได้

                – ทำความสะอาดบริเวณเก็บสารเคมี

                – บริเวณเก็บสารเคมีควรแยกจากบริเวณทำงาน

                – ติดป้ายเตือนอันตราย

                – ติดฉลากที่ภาชนะ

                – เก็บภาชนะบรรจุไว้ในระดับความสูงที่เหมาะสมกับการเคลื่อนย้าย

                – ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้

                – การเก็บสารเคมีควรทำจากวัสดุที่ทนไฟ และไม่ใช่สารไวไฟ

                – มีอุปกรณ์ดับเพลิงหรือทำความสะอาดในบริเวณเก็บสารเคมี

                – ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้

                – ต่อภาชนะบรรจุลงดิน

                – ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่

                – อย่าใช้ร่วมกับสารที่เข้ากันไม่ได้

                – ป้องกันสารเพลิงไหม้ไปในบริเวณทำงาน

                – อย่านำสารที่ใช้แล้วใส่เข้าในบริเวณภาชนะบรรจุใหม่

        ข้อมูลการขนส่ง :

                ชื่อในการขนส่ง : Isobutanol หรือ isobutyl alcohol

                ประเภทอันตราย : 3 (ของเหลวไวไฟ)

                หมายเลข UN : UN 1212

                ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม III

                ขนาดผลิตภัณฑ์ : ไม่ระบุไว้

มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล
         – วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล อย่าสัมผัสกับสารที่หกรั่วไหล

        – ให้หยุดการรั่วไหล ถ้าสามารถทำได้โดยปราศจากความเสี่ยงอันตราย

        – ให้ดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วย ดิน, ทราย, หรือวัสดุดูดซับอื่นที่ไม่ทำปฏิกิริยากับสารที่หกรั่วไหล

        – เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด

        – ล้างบริเวณสารหกรั่วไหล หลังจากสารเคมีถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว

        – ป้องกันไม่ให้สารเคมีที่หกรั่วไหล ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่น ๆ

        การกำจัด : ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด

มาตรา 11: อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
 12277978_10207269044017855_554821809_n12286194_10207269044497867_168388570_n

        ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) : ประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ

               – สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 500 ppm : ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied – air respirator) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10

               – สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 1250 ppm : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25

               –  สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 1600 ppm : ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี canister สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) พร้อม tight – fitting facepiece และ cartridge สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50

              – ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied – air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000

               – ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air – purifying respirator) พร้อมอุปกรณ์กรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) และพร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า หรือให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50

มาตรา 12: การปฐมพยาบาล
         หายใจเข้าไป :     ถ้าหายใจเข้าไปสารนี้เป็นสารไวไฟ ควรจะเคลื่อนย้ายแหล่งจุดติดไฟออกเพื่อเป็นการป้องกัน ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ปนเปื้อนหรือแหล่งปนเปื้อนหรือแหล่งปนเปื้อนไปยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ นำส่งไปพบแพทย์

        กินหรือกลืนเข้าไป :      ถ้ากลืนหรือกินเข้าไปห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ ให้ผู้ป่วยบ้วนล้างปากด้วยน้ำอย่ากระตุ้นให้เกิดอาการอาเจียน ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 240 ถึง 300 มิลลิลิตร (8 ถึง 10 ออนซ์) เพื่อเจือจางสารในกระเพาะอาหาร ถ้าผู้ป่วยอาเจียนให้ก้มศรีษะต่ำกว่าสะโพกเพื่อป้องกันการหายใจเอาสารนี้เข้าไป ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำและล้างปากด้วยน้ำซ้ำอีกครั้ง ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยหายใจ (AR) ถ้าหัวใจหยุดเต้นให้ปั้มหัวใจ (CPR) ทันที และ นำส่งไปพบแพทย์ทันที

        สัมผัสถูกผิวหนัง :          ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ถ้ารู้สึกระคายเคืองให้ฉีดล้างด้วยน้ำอุ่นที่ค่อย ๆ ไหลผ่านเป็นเวลา 5 นาที หรือจนกระทั่งสารเคมีออกหมด ถ้าอาการยังไม่ทุเลาให้นำส่งพบแพทย์

        สัมผัสถูกตา :      ถ้าสัมผัสถูกตาฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำอุ่นที่ค่อยไหลผ่านเป็นเวลา 20 นาที หรือจนกระทั่งสารเคมีออกหมด และเปิดเปลือกตาให้กว้าง ระมัดระวังไม่ให้น้ำล้างตาเข้าไปในตาอีกข้าง แล้ว นำส่งพบแพทย์ทันที

        อื่นๆ :ไม่ระบุไว้

มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
         ข้อมูลทางนิเวศวิทยา :

                – ห้ามทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ น้ำเสีย หรือดิน

                – จะไม่ก่อเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากมีการใช้และจัดการกับสารอย่างเหมาะสม

มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์
         NMAM NO. :  1401

        OSHA NO. :    07

        วิธีการเก็บตัวอย่าง :      หลอดเก็บตัวอย่าง

        วิธีการวิเคราะห์ :          แก๊ซโครมาโตกราฟฟี

        ข้อมูลอื่น ๆ : 

                – การเก็บตัวอย่างใช้ coconut shell charcoal 100 mg./50 mg.

                – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.01 ถึง 0.2 ลิตรต่อนาที

                – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด-สูงสุด 2 ลิตร , 10 ลิตร

มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน
        AVERS Guide :          17

        DOT Guide :              129

        – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650

        – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457

มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ
        อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)

        แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557