ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC Dichloromethane
ชื่อเคมีทั่วไป Methylene chloride ชื่อพ้องอื่นๆ Methylene dichloride; Methane dichloride; R 30; Aerothene MM; Refrigerant 30; Freon 30; DCM; Narkotil; Solaesthin; Solmethine; ; Plastisolve; Methylene Chloride (Dichloromethane) สูตรโมเลกุล CH2Cl2 CAS No. 75-09-2 รหัส EC NO. 602-004-00-3 UN/ID No. 1593 รหัส RTECS PA 8050000 รหัส EUEINECS/ELINCS 200-838-9 ชื่อวงศ์ Chlorinared hydrocarbon ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า A Division of EM Industries แหล่งข้อมูลอื่นๆ P.O. Box 70 480 Demarat Road Dibbstown , N.J. 08027 |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ใช้เป็นสารเคลือบฟัน |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 1600 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : 49968/ 7 ชั่วโมง (มก./ม3) IDLH(ppm) : 2300 (ppm) ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : 25 (ppm) PEL-STEL(ppm) : 126(ppm) PEL-C(ppm) : – TLV-TWA(ppm) : 50(ppm) TLV-STEL(ppm) : 50.46 (ppm) TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 : – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : – พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 1 หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ของเหลว
สี : ไม่มีสี กลิ่น : คล้ายอีเธอร์ นน.โมเลกุล : 84.93 จุดเดือด(0ซ.) : 39.8 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -97 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 1.326 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 2.9 ความหนืด(mPa.sec) : 0.43 ความดันไอ(มม.ปรอท) : 340 ที่ 200ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : 2 ที่ 20 0ซ. ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : – แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 3.47 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.29 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่นๆ : – อุณหภูมิสลายตัว : > 120 องศาเซลเซียส – ละลายในอีเธอร์ แอลกอฮอล์ คลอโรฟอร์ม อะซีโตน คาร์บอนเตตระคลอไรด์ |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง และถ้าได้รับในปริมาณมาก จะก่อให้เกิดอาการมึนงง ปวดศีรษะ ง่วงซึม หัวใจเต้นผิดปกติ หมดสติ และตายได้
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคือง อาจทำให้เป็นโรคมะเร็งได้ กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร อาเจียน ถ้าหายใจเอาสารนี้เข้าไปขณะที่อาเจียน จะทำให้เป็นโรคปอดบวม และมีผลต่อร่างกาย และถ้ามีสารนี้ปริมาณมากจะมีผลต่อเลือด ตับ ไต และระบบประสาทส่วนกลาง สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตา จะก่อให้เกิดการระคายเคือง ทำให้เจ็บตา การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : สารนี้อาจจะเป็นสารก่อมะเร็งจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ และสารนี้ทำลายปอด ระบบประสาท ทำให้เกิดเนื้องอก |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้มีความเสถียร
สารที่เข้ากันไม่ได้ : เบส สารออกซิไดซ์ โลหะอัลคาไลน์ อลูมิเนียม ผงแมกนีเซียม โซเดียม โปแตสเซียม และลิเธียม สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง: การสัมผัสกับเปลวไฟ การเชื่อมไฟฟ้า และวัสดุผิวร้อน สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการเผาไหม้หรือสลายตัวเนื่องจากความร้อน : กรดเกลือ(HCl) ก๊าซฟอสจีน คลอรีน อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : –
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : 640 ค่า LEL % : 13.00 UEL % : 23 สารดับเพลิง : ให้ใช้น้ำฉีดเป็นฝอย คาร์บอนไดออกไซด์ ผงเคมีแห้ง – ขั้นตอนการดับเพลิงขั้นรุนแรง ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว(SCBA) – ส่วนผสมของไอระเหยกับอากาศสามารถทำให้เกิดการระเบิด – เมื่อเกิดเพลิงไหม้จะปล่อยควันพิษออกมา |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด – เก็บในบริเวณที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศเพียงพอ สถานที่เก็บ : – เก็บให้ห่างจากแหล่งความร้อน เปลวไฟ ประกายไฟ – ในระหว่างการเคลื่อนย้าย อย่าหายใจเอาไอระเหยหรือละอองเข้าไป อย่าให้เข้าตา ผิวหนัง หรือบนเสื้อผ้า – ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้ ข้อมูลการขนส่ง : ชื่อในการขนส่ง : Dichloromethane DOT ประเภทอันตราย : ไม่ระบุไว้ หมายเลข UN : UN 1593 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : ไม่ระบุไว้ รายงานข้อมูลสำหรับผลิตภัณฑ์ / ขนาด : ไม่ระบุไว้ |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้อพยพคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่
– ขจัดแหล่งที่จะเกิดการจุดติดไฟใดๆจนกระทั่งพื้นที่ดังกล่างปลอดภัยจากการระเบิดหรืออันตรายจากอัคคีภัย – ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม – ควบคุมส่วนที่หกรั่วไหลและแยกออกจากแหล่งสารเคมีนั้น ถ้าสามารถทำได้โดยปราศจากความเสี่ยงอันตราย – เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด การกำจัด : วิธีการกำจัด ให้กำจัดตามข้อกำหนด กฎระเบียบของทางราชการกำหนดไว้ |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้อาเจียน นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างทันทีโดยให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อย 15 นาที อื่นๆ : ไม่ระบุไว้ |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ : เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ
– ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย และดิน – สารนี้มีแนวโน้มในการสะสมทางชีวภาพต่ำ |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 1005, 3800
OSHA NO. : 59, 80 วิธีการเก็บตัวอย่าง : หลอดเก็บตัวอย่าง วิธีการวิเคราะห์ : แก๊ซโครมาโตกราฟฟี ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้ 2 coconut shell charcoal tubes, 100/50 mg – อัตราการไหลสำรหับเก็บตัวอย่าง 0.01 ถึง 0.2 ลิตรต่อนาที – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด-สูงสุด 0.5 ลิตร , 2.5 ลิตร |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 39
DOT Guide : 160 – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |