ส่วนที่ 1: ชื่อสารเคมีและข้อมูลเบื้องต้น |
ชื่อเคมี IUPAC 1-Butanamine
ชื่อเคมีทั่วไป N-butylamine ชื่อพ้องอื่นๆ 1-Aminobutane; Aminobutane; Butyl amine; Norralamine; Mono-n-butylamine; Tutane; Monobutylamine สูตรโมเลกุล C4H11N CAS No. 109-73-9 รหัส EC NO. 612-005-00-0 UN/ID No. 1125 รหัส RTECS EO 2975000 รหัส EUEINECS/ELINCS 203-699-2 ชื่อวงศ์ – ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า J.T.Baker แหล่งข้อมูลอื่นๆ – |
ส่วนที่ 2: องค์ประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม |
||||||
ส่วนประกอบ:
|
ส่วนที่ 3: การใช้ประโยชน์ |
การใช้ประโยชน์ : ไม่ระบุไว้ |
ส่วนที่ 4: ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ |
LD50(มก./กก.) : 366 (หนู)(มก./กก.)
LC50(มก./ม3) : 800/ 4 ชั่วโมง (หนู)(มก./ม3) IDLH(ppm) : 300(ppm) ADI(ppm) : – MAC(ppm) : – PEL-TWA(ppm) : 5(ppm) PEL-STEL(ppm) : – PEL-C(ppm) : 5(ppm) TLV-TWA(ppm) : 5(ppm) TLV-STEL(ppm) : – TLV-C(ppm) : – พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535: – พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 : – พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : – พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 : เฉลี่ย 8 ชั่วโมง พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : – หน่วยงานที่รับผิดชอบ : – |
ส่วนที่ 5: คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี |
สถานะ : ของเหลว
สี : ใส ไม่มีสี กลิ่น : คล้ายแอมโมเนีย นน.โมเลกุล : 73.4 จุดเดือด(0ซ.) : 78 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) : -49 ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) : 0.74 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 2.5 ความหนืด(mPa.sec) : 0.5 ความดันไอ(มม.ปรอท) : 82 ที่ 200ซ. ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ละลายน้ำ ความเป็นกรด-ด่าง(pH) : 12.6 ที่ 250ซ. แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm = 3.00 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 = 0.33 ppm ที่ 25 0ซ. ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ : – |
มาตรา 6: อันตรายต่อสุขภาพอนามัย |
สัมผัสทางหายใจ : การหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูกและลำคอ ทำให้ปวดศีรษะ และน้ำท่วมปอดได้ ถ้าได้รับไอระเหยที่ระดับความเข้มข้นสูงจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด ไอ เจ็บหน้าอก เวียนศีรษะ เกิดอาการชักกระตุกอย่างรุนแรง ง่วงซึม และอาจหมดสติได้ แต่ตามสมบัติของสารนี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองเมื่อมีสถานะเป็นไอระเหย
สัมผัสทางผิวหนัง : การสัมผัสถูกผิวหนังจะทำให้ผิวหนังไหม้ สารนี้สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดอาการคล้ายกับการหายใจเข้าไปได้ กินหรือกลืนเข้าไป : การกลืนหรือกินเข้าไป จะมีอาการคล้ายกับการหายใจเข้าไป และทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณปาก คอ รวมทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งถ้าได้รับปริมาณมากอาจเสียชีวิตได้ สัมผัสถูกตา : การสัมผัสถูกตา ไอของสารจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา ทำให้เกิดการทำลายตา และทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ อื่นๆ : การสัมผัสเรื้อรัง การสัมผัสถูกผิวหนังนานๆหรือบ่อยๆจะทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ |
มาตรา 7: ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา |
ความคงตัว : สารนี้มีความคงตัวภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ
สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์ สารเปอร์คลอริวฟลูออไรด์ และกรดเข้มข้น สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน เปลวไฟ แหล่งจุดติดไฟ และสารที่เข้ากันไม่ได้ สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : การลุกไหม้จะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น |
มาตรา 8: การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด |
จุดวาบไฟ(0ซ.) : -12
จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) : 312 ค่า LEL % : 1.7 UEL % : 9.8 สารดับเพลิง : ให้ใช้ผงเคมีแห้ง แอลกอฮอล์โฟมหรือคาร์บอนไดออกไซด์ การระเบิด : ส่วนผสมของไอระเหยกับอากาศจะระเบิดได้ภายใต้ขีดจำกัดความไวไฟที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟ ไวต่อประจุไฟฟ้าสถิต – ไอระเหยสามารถแพร่กระจายไปสู่แหล่งจุดติดไฟและเกิดไฟย้อนกลับมาได้ – ภาชนะบรรจุที่ปิดสนิทเมื่อสัมผัสถูกความร้อนอาจทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ – การสัมผัสกับสารออกซิไดซ์มากๆ อาจจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ – อย่าใช้การฉีดน้ำเป็นลำตรง ลำน้ำจะทำให้สารเคมีและเปลวไฟแพร่กระจาย – ให้ใช้การฉีดน้ำเป็นฝอยสามารถใช้ควบคุมหรือหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่ถูกเพลิงไหม้ – กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่ชุดป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมกับหน้ากากแบบเต็มหน้า |
มาตรา 9: การเก็บรักษา สถานที่เก็บ เคลื่อนย้าย ขนส่ง |
การเก็บรักษา :
– เก็บในที่ที่เย็นและแห้ง มีการระบายอากาศเป็นอย่างดี – การเคลื่อนย้ายและการเก็บรักษา มีการป้องกันความเสียหายทางกายภาพ – แยกเก็บจากสารที่เข้ากันไม่ได้ สถานที่เก็บ : – เก็บภายนอกอาคารหรือแยกเก็บให้ถูกต้อง – ให้ออกห่างจากพื้นที่ใดๆที่อาจเกิดอันตรายจากอัคคีภัยอย่างเฉียบพลัน – มีการระบายอากาศเพื่อป้องกันการเกิดระเบิด – ไม่ควรสูบบุหรี่บริเวณที่เก็บสารเคมีนี้ – ให้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ – ภาชนะบรรจุจะต้องต่อเชื่อมหรือต่อลงดินเพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟจากไฟฟ้าสถิตย์ – ภาชนะบรรจุของสารนี้ที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย และของเหลว อาจทำให้เกิดอันตรายได้ – ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ระบุไว้สำหรับสารนี้ ข้อมูลการขนส่ง : ชื่อในการขนส่ง : BUTYLAMINE ประเภทอันตราย : 3.2 , 8 หมายเลข UN : UN 1125 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม III |
มาตราที่ 10: การกำจัดกรณีรั่วไหล |
– วิธีการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุรั่วไหล ให้ระบายอากาศพื้นที่ที่หกรั่วไหล
– ให้เคลื่อนย้ายแหล่งจุดติดไฟทั้งหมดออกไป – ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม – ให้ทำการกันแยกบริเวณพื้นที่ที่อันตราย และกันบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าในบริเวณนี้ – ให้เก็บรวมรวมของเหลวที่รั่วไหล และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถ้าเป็นไปได้ – ให้ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ – ให้ดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยวัสดุเฉื่อย เช่น แร่หินทราย(vermiculite) ทรายแห้ง ดิน และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุกากของเสีย – อย่าใช้วัสดุติดไฟได้ เช่น ขี้เลื่อย ในการดูดซับสาร – อย่าเททิ้งลงท่อระบายน้ำ – ใช้น้ำฉีดเป็นฝอยเพื่อลดไอระเหย – แนะนำให้ใช้ตัวทำละลายของสารนี้เป็นตัวดูดซับเมื่อมีการหกรั่วไหล การกำจัด : สารที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้จะไม่ปลอดภัย จะต้องกำจัดเช่นเดียวกับกากของเสียอันตรายและส่งให้ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตในการกำจัดของเสีย กระบวนการใช้หรือปนเปื้อนของสารนี้จะต้องเป็นไปตามแนวทางการจัดการของเสียตามกฎระเบียบข้อบังคับของทางราชการ การจัดการภาชนะบรรจุและที่มิได้ใช้แล้วจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับที่กฎหมายของส่วนกลางและท้องถิ่น |
มาตรา 12: การปฐมพยาบาล |
หายใจเข้าไป : ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์ทันที
กินหรือกลืนเข้าไป : ถ้ากลืนหรือกินเข้าไปอย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียน ให้ดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ ห้ามไม่ให้นำสิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกผิวหนัง : ถ้าสัมผัสถูกผิวหนังให้ฉีดล้างทันทีด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที พร้อมกับถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปรอะเปื้อนสารเคมีออก – ให้ทำความสะอาดเสื้อผ้าและรองเท้าให้สะอาดก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ – นำส่งไปพบแพทย์ทันที สัมผัสถูกตา : ถ้าสัมผัสถูกตา : ให้ค่อยๆฉีดล้างตาด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที พร้อมกระพริบตาถี่ๆขณะทำการล้าง นำส่งไปพบแพทย์ทันที อื่นๆ : กรณีการสัมผัสสารในปริมาณมากให้ทำการติดตามผลของการเกิดอาการน้ำท่วมปอดในระยะยาว |
มาตรา 13: ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ข้อมูลทางนิเวศวิทยา : สิ่งแวดล้อมถูกทำลายเสียหาย เมื่อรั่วไหลสู่ดิน
– สารนี้คาดว่าจะถูกชะล้างลงสู่น้ำใต้ดิน – สารนี้จะสลายตัวทางชีววิทยาเหลือความเข้มข้นปานกลางเมื่อรั่วอยู่ในดิน – สารนี้ระเหยในความเข้มข้นปานกลาง เมื่อรั่วไหลสู่น้ำ – สารนี้คาดว่าจะไม่สะสมในสิ่งมีชีวิต – สารนี้มีค่าความเข้มข้นทางชีวภาพ(BCF) โดยประมาณน้อยกว่า 100 – สารนี้คาดว่ามีการระเหยอย่างรวดเร็ว เมื่อรั่วไหลลงสู่น้ำ – สารนี้คาดว่าสามารถสลายตัวได้ง่ายโดยทำปฏิกิริยาเคมีเมื่อถูกแสงทำให้เกิดไฮดรอกซิล เรดิเคิล เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้คาดว่าจะมีการสลายตัวไปครึ่งหนึ่ง(halrtife) ภายในเวลาน้อยกว่า 1-10 วัน เมื่อรั่วไหลสู่อากาศ – สารนี้คาดว่าสามารถเอาออกจากบรรยากาศได้ง่ายโดยเกิดการตกตะกอนแบบเปียก – ความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม : ไม่พบข้อมูลที่ต้องการค้นหา |
มาตรา 14: การเก็บและวิเคราะห์ |
NMAM NO. : 2012
OSHA NO. : ไม่ระบุไว้ วิธีการเก็บตัวอย่าง : หลอดเก็บตัวอย่าง วิธีการวิเคราะห์ : แก๊ซโครมาโตกราฟฟี ข้อมูลอื่น ๆ : – การเก็บตัวอย่างใช้ : หลอดชนิด Sillica gel tube 150 mg /75 mg – อัตราการไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง : 0.01 ถึง 1 ลิตร – ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด-สูงสุด : ต่ำสุด 2 ลิตร สูงสุด 100 ลิตร |
มาตรา 15: ขั้นตอนการปฏิบัติงานฉุกเฉิน |
AVERS Guide : 19
DOT Guide : – – กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650 – ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457 |
มาตรา 16: ข้อมูลอื่น ๆ |
อ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ 2557 ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ MSDS Database (ออนไลน์)
แหล่งที่มา http://msds.pcd.go.th ธันวาคม 2557 |